Ulthera รักษาผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอยต่างๆ ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้หลายจุดบริเวณบนใบหน้าและลำคอ ซึ่งถ้าหากได้รับการฟื้นฟูด้วยเทคโนโลยีที่ดีและถูกจุด ก็จะทำให้ผิวดูเรียบเนียน ยกกระชับอย่างเป็นธรรมชาติ ส่วนคำว่า Ultherapy คือเทคโนโลยีการรักษาด้วยเครื่อง Ulthera ที่ใช้คลื่นเสียงที่มีความถี่สูง มีความเฉพาะเจาะจง (Micro Focused Ultrasound) และแม่นยำ
นวัตกรรม Ultherapy การฟื้นฟูผิวที่ได้ผล พิสูจน์ได้จริง ทั่วโลกยอมรับ
Ulthera คืออะไร ? อัลเทอร่าเป็นนวัตกรรมพลังงานคลื่นเสียงหนึ่งเดียว ที่สามารถฟื้นฟูเซลล์ผิวได้ลึกถึงชั้นผิว SMAS โดยไม่ต้องผ่าตัดศัลยกรรมเพื่อยกกระชับหน้า (SMAS tissue lifting) ให้ผิวสวย เรียบเนียนได้ทั้งใบหน้าจนถึงลำคออย่างเป็นธรรมชาติ สวยได้ ไม่เจ็บ
Ultherapy เป็นเทคโนโลยีที่จะช่วยยกกระชับหน้าได้ถูกจุด โดยการใช้พลังงานคลื่นเสียง MFU-V (Microfocused Ultrasound with Visualization) เพื่อกระตุ้นให้เกิดรอยหดตัวขนาด 1 มม. ใต้ผิวหนังชั้น SMAS ชั้นผิวที่ลึกลงไปถึง 4.5 มม. ระยะห่างระหว่างจุดเท่าๆ กัน ประมาณ 1-1.5 มม. เรียงเป็นแนวต่อเนื่อง เกิดความสม่ำเสมอของพลังงานที่ลงสู่ใต้ผิว ลงลึกได้ถึงตำแหน่งที่ต้องการจะทำการรักษาได้อย่างแม่นยำ และได้ผลการรักษาที่แน่นอนกว่า ด้วยระบบหน้าจอแสดงชั้นผิวแบบ Real-Time เพื่อยกกระชับหน้าได้ตรงจุด กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวโดยตรง ช่วยลดริ้วรอยที่รบกวนความเป็นตัวเองของผู้หญิง
Ulthera ฟื้นฟูลึกซึ้งถึงชั้นผิว SMAS ได้อย่างไร ?
Ulthera ใช้พลังงานคลื่นเสียง (MFU-V) ทำให้เกิดความร้อนเป็นจุดเล็กๆ เรียงต่อกันเป็นแนว เพื่อทำให้ผิวเกิดรอยหดตัวขนาด 1 มม. ใต้ผิวหนังชั้น SMAS ระยะห่างเท่าๆ กัน และเทคโนโลยีนี้ ยังเป็นเทคโนโลยีเดียวที่สามารถลงลึกสู่เซลล์ผิวได้ถึงระดับ 4.5 มม. ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับการผ่าตัดศัลยกรรมเพื่อดึงหน้า
ซึ่งชั้นนี้มีระดับความลึกในระดับที่แตกต่างกันถึง 3 ระดับ โดยให้ประสิทธิภาพในการฟื้นฟูผิวที่แตกต่างกัน ทั้งในระดับการปรับผิวให้ดูเรียบเนียนสดใส , ระดับชั้นผิวที่มีคอลลาเจนเพื่อให้ผิวเฟิร์ม และระดับชั้นผิวที่ทำให้ผิวแลดูยกกระชับ ริ้วรอยแลดูลดเลือนเป็นธรรมชาติ
Ulthera ความแม่นยำสูง เห็นผลได้จริง
เทคโนโลยีเพื่อสร้างความสวยด้วยคลื่นเสียงนี้ สามารถแสดงผลการทำทรีทเมนท์แบบ Real-Time เพื่อความถูกต้องแม่นยำในการรักษา ซึ่งเป็นสิทธิบัตรของ บริษัท Merz ผู้ผลิต แต่เพียงผู้เดียว โดยระหว่างที่ทำการรักษา แพทย์สามารถมองเห็นภาพของผิวหนัง ผ่านหน้าจอของเครื่อง (SEE & TREAT) ทำให้แพทย์สามารถทำการรักษาไปพร้อมกับการปรับคลื่นเสียงที่พอเหมาะกับสภาพผิวหนังของคนไข้แต่ละคน ทำให้เกิดความแม่นยำ และให้ผลการรักษาที่ดีกว่าเทคโนโลยีอื่นๆ
ระหว่างที่ทำการยกกระชับด้วยอัลเทอร่า (Ulthera) แพทย์สามารถมองเห็นว่า ขณะที่ทำการรักษา พลังงานคลื่นเสียงลงไปทำงานตรงจุดใดของผิวหนัง การยกกระชับหน้าและลำคอจะได้ผลดีที่สุดเมื่อยิงบริเวณเยื่อ SMAS ซึ่งก็คือเนื้อเยื่อตาข่ายที่คลุมบนกล้ามเนื้อ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ศัลยกรรมตกแต่งใช้ผ่าตัดเพื่อดึงกระชับผิวหน้า แต่อัลเทอร่า (Ulthera) สามารถทำการรักษาโดยไม่ต้องใช้มีดผ่าตัดผ่าผิวลงไป ไม่มีแผลหลังทำ ไม่ต้องพักฟื้น สามารถแต่งหน้าและไปทำงานได้ตามปกติ
New Ulthera 360 ด้วยเทคนิคใหม่ SPT 3 step
เป็นเทคนิคใหม่ของการยกกระชับใบหน้า ให้ประสิทธิภาพดีที่สุด ในระดับผิวชั้นลึกที่สุด โดยให้ผลลัพธ์ดีขึ้น และเจ็บน้อยลง
Ulthera SPT 3 step ประกอบด้วย
- S : See เห็นหน้าจอแบบ real time มองเห็นชั้นผิวขณะทำ เพื่อให้ทำงานได้อย่างตรงจุด
- P : Plan วางแผนการรักษา เพื่อทำการรักษาได้ตรงจุด และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
- T : Treat ทำการรักษาด้วยเครื่อง Ulthera SPT โดยแพทย์ผู้ชำนาญการ
Ulthera SPT 3 step เทคนิคใหม่นี้จะทำการยิงผ่านผิวหนัง 3 ชั้น คือ
- ผิวหน้าชั้น SMAS เพื่อทำการยกกระชับหน้า และลดเลือนริ้วรอย
- ชั้นไขมัน เพื่อลดขนาดบริเวณที่มีไขมันเยอะ หรือป่องมากเกินไป
- ชั้นหนังแท้ หรือ Dermis เป็นชั้นที่มีคอลลาเจนมากที่สุด ยิงเพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวหน้ามีความแน่น กระชับ และใสมากขึ้น
นวัตกรรมการยกกระชับที่ได้ผลและปลอดภัย
อัลเทอร่าได้รับการรับรองจาก US-FDA จากสหรัฐอเมริกา ยุโรป และองค์การอาหารและยา (อย.) ของประเทศไทย ทั้งในด้านมาตรฐานความปลอดภัย ระบบเทคโนโลยีที่สามารถมองเห็นชั้นผิวได้แบบ Real-Time
รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ ได้รับ Certificate จาก MERZ Aesthetics
บริษัทผู้จัดจำหน่าย Ulthera อย่างเป็นทางการในประเทศไทย
ในฐานะที่ใช้ Ulthera Treatment เทคนิค S.P.T เป็นที่แรกๆของประเทศ
Ulthera เหมาะกับใคร
- อายุ 25 ปีขึ้นไป
- มีผิวหย่อนคล้อยไม่กระชับ ไม่เต่งตึง
- กรอบหน้าไม่ชัด ไม่หน้าเรียว แก้มห้อยย้อย ผิวใต้คางหย่อนคล้อย ต้องการยกกระชับปรับรูปหน้า กรอบหน้าชัดมีมิติ
- มีริ้วรอยรอบดวงตา หนังตาตก คิ้วตก ดูแก่กว่าวัย
- มีริ้วรอยบริเวณลำคอ และเนินอก
- ต้องการปรับสภาพผิว เพิ่มความตึงกระชับและความยืดหยุ่นให้ผิวหน้า กระชับรูขุมขน
- ใบหน้าทั้ง 2 ข้าง ไม่เท่ากัน
- ไม่ต้องการผ่าตัดทำศัลยกรรม และไม่มีเวลาพักฟื้น
- ผ่านการยกผิวด้วยวิธีอื่น แต่ผลการรักษาไม่ชัดเจน
ใครที่ไม่ควรทำ Ulthera
- กำลังตั้งครรภ์
- กำลังให้นมบุตร
- เป็นโรค SLE หรือ โรคแพ้ภูมิตัวเอง
- เป็นเบาหวานที่รักษาด้วยการฉีดอินซูลิน (insulin)
- เป็นโรคลมชัก (epilepsy)
- BMI > 30 (เนื่องจากชั้นของไขมันอาจจะหนาจนทำให้ พลังงานลงไปไม่ถึงชั้น SMAS)
Ulthera ทำบริเวณไหนได้บ้าง
- ใบหน้า
- รอบดวงตา
- แก้ม
- ใต้คาง หรือเหนียง
- ลำคอ
- ผิวหน้าอก
- หน้าท้อง และ ท้องแขน มีงานวิจัยว่าสามารถทำให้ผิวที่หย่อนคล้อย เช่น หน้าท้องหลังคลอดลูกเรียบเนียนขึ้น หรือท้องแขนห้อย ขนาดลดลง แขนดูเล็กลง
ขั้นตอนการรักษาด้วย Ulthera
- ทำความสะอาดใบหน้า
- ทายาชาประมาณ 45 นาที – 1 ชั่วโมง การทายาชาที่ปริมาณเหมาะสม ไม่น้อยเกินไปและเวลานานพอ จะทำให้ยาชาชาลึกได้ถึง 5 mm ซึ่งลึกกว่าพลังงานที่อัลเทอรา จะลงไปได้ทำให้ลดความเจ็บได้
- เริ่มทำการรักษา
- การทำงานของอัลเทอร่า แพทย์จะสามารถเลือกหัว (Transducer) ที่เหมาะสมกับใบหน้าของคนไข้ เพื่อให้ระดับความลึกของพลังงานลงไปแก้ไขในระดับชั้นผิวที่ต้องการ ซึ่งหัวจะมี 3 หัวหลัก แบ่งตามความถี่และความลึกของคลื่นอัลตร้าซาวด์ (DS 4-4.5/ DS 7-3.0/ DS 10-1.5)
ความรู้สึกขณะรักษาด้วย Ulthera
ขณะทำการรักษาด้วยเครื่องอัลเทอร่า จะมีการปล่อยคลื่นอัลตร้าซาวด์ลงสู่เนื้อเยื่อใต้ผิว ผู้ถูกการรักษาจะรู้สึกถึงพลังงานเป็นจุดเล็กๆลงบนผิวลึกๆ จะรู้สึกเจ็บขณะทำ แต่เจ็บแบบทนได้ เนื่องจากคอลลาเจนใต้ผิวเราจะสร้างขึ้นได้ เมื่อมีความร้อนอุณหภูมิ 50-70 องศาเซลเซียส ลงสู่ผิวชั้นหนังแท้ ด้วยความร้อนระดับนี้จะต้องมีความรู้สึกเจ็บบ้าง อาจจะรู้สึกเหมือนหนังยางดีดลึกๆ เจ็บลึกๆ และจะรู้สึกอุ่นๆ ที่ใต้ผิวหนัง ซึ่งความรู้สึกนี้จะแตกต่างกันในแต่ละบุคคล บางคนรู้สึกเจ็บมาก บางคนรู้สึกเจ็บปานกลาง บางคนแทบไม่รู้สึกเลย การทายาชาจะช่วยบรรเทาเจ็บได้
อาการข้างเคียงหลังทำ Ulthera
หลังการรักษาสามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติ โดยไม่ต้องมีการพักฟื้นใดๆ ภายใน 2 วันแรก อาจจะมีอาการระบมและปวดได้ อาการจะค่อยๆ ดีขึ้น ส่วนมากไม่พบอาการข้างเคียงใดๆ มีรายงานว่าบางรายหลังทำใบหน้าอาจบวมเล็กน้อยประมาณ 2-10 แต่ส่วนมากจะไม่ค่อยสังเกตุเห็น
ผลลัพธ์ของการรักษาด้วย Ulthera
หลังทำ จะเห็นว่าใบหน้าจะยกทันที กรอบหน้าชัดเจนขึ้น เนื่องจากคอลลาเจนมีการหดตัวทันทีหลังโดนความร้อนจากคลื่นอัลตร้าซาวด์ (collagen denaturation) หลังจากผ่านไป 1 เดือน ผิวหน้าจะเริ่มตึงและใสขึ้น และผลลัพธ์จะดีขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากร่างกายจะมีการสร้างคอลลาเจนใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่องในระยะเวลา 3-6 เดือน (collagen remodeling)โครงสร้างผิวจะได้รับการฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์ โดยจะเห็นผลของการยกกระชับได้ตั้งแต่ 2-3 เดือนแรกหลังทำและผลลัพธ์อยู่ได้นาน 1-2 ปี*
ผลลัพธ์ที่ได้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
Ulthera กับ Thermage ต่างกันอย่างไร
- เครื่องอัลเทอร่า (Micro focus ultrasound) คือ พลังงานคลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์ ซึ่งจะปล่อยพลังงานออกมาเป็นจุดขนาด 1 มิลลิเมตร เรียงต่อกันเป็นแนวเส้นตรง เกิดความร้อนบริเวณที่พลังงานลงไปถึง โดยอุณหภูมิจะอยู่ที่ 60-70°C
- ส่วน Thermage คือ พลังงานคลื่นวิทยุ (monopolar RF) ซึ่งการปล่อยพลังงานจะปล่อยเป็นก้อนพลังงานความร้อนเป็นวงกว้าง อุณหภูมิอยู่ที่ 40-50°C ครอบคลุมทั้งชั้นผิว ขนาดประมาณ 3-4 ตารางเซนติเมตร
โดยที่ทั้งสองเครื่องจะปล่อยพลังงานความร้อนเหมือนกัน แต่เป็นความร้อนที่กระจายต่างกัน จึงลงลึกสู่ชั้นผิวได้ไม่เหมือนกัน ดังนั้นจึงให้ผลลัพธ์คนละอย่าง
- เครื่องอัลเทอร่าออกฤทธิ์ได้ทั้งในชั้นหนังแท้ และชั้น SMAS จะเน้นยกกระชับหน้า ความหย่อนคล้อยรูปหน้า ช่วยเรื่อง lifting เป็นหลัก
- Thermage ออกฤทธิ์ที่ชั้นหนังแท้ และชั้นไขมัน ไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเน้นผิวแน่นกระชับ สลายไขมันได้ดี ช่วยเรื่องความแน่น เด้ง (tightening) ของผิวเป็นหลัก ช่วยให้ผิวเนียนนุ่ม
- อัลเทอร่า ไม่แนะนำให้ยิงในเปลือกตาและใต้ได้ ส่วน Thermage ทำได้ ดังนั้นในการยกกระชับตา ใต้ตา จึงแนะนำ Thermage มากกว่า
ซึ่งการจะเลือกว่าจะรักษาด้วยเครื่องชนิดใดใน 2 ชนิดนี้ ก็ต้องดูว่าคนไข้มีปัญหาอย่างไร ปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจากผิวชั้นใด
บทความที่เกี่ยวข้อง
Thermage FLX เทคโนโลยียกกระชับ ลดริ้วรอย ให้ดูอ่อนกว่าวัย โดยไม่ต้องผ่าตัด
Ulthera ต่างกับ HIFU อย่างไร
HIFU ย่อมาจาก High Intensity Focus Ultrasound มีหลักการทำงานโดยใช้คลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์เพื่อให้เกิดความร้อน 45-70°C ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง เช่นเดียวกับเครื่องอัลเทอร่าโดยแตกต่างกันที่ขนาดของจุดที่ focus และความเสถียรในการส่งค่าพลังงาน
และสิ่งที่ เครื่องอัลเทอร่ามีต่างจาก HIFU คือการมองเห็นชั้นใต้ผิวขณะทำ (SEE & TREAT) อันนี้สำคัญมาก เพราะการมองเห็นจริงๆว่าหัวยิงแนบหรือไม่ ลึกแค่ไหน คือหัวใจสำคัญของความสำเร็จและลดหน้าไหม้ได้ ทำให้สามารถปล่อยพลังงานลงไปได้ตรงจุดที่ต้องการแก้ไข ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของเครื่องอัลเทอร่า ที่ HIFU เครื่องอื่นๆ ไม่มี
อัลเทอร่าหรือ Botulinum Toxin ดีกว่ากัน
Bo-tox ให้ผลหน้าเรียวเล็กกว่า เพราะออกฤทธิ์ที่การลดขนาดกล้ามเนื้อ ส่วนอัลเทอร่าจะได้เรื่องยกกระชับ หย่อนคล้อย ดังนั้นหากต้องการกรอบหน้าเรียวเล็กต้องโบ ส่วนยกๆ ดึงๆ ต้องอัลเทอร่าค่ะ หากอายุยังน้อยน่าจะลองโบTox ไปก่อน
อ่านเพิ่มเติม : โบทูลินั่ม ท็อกซิน (Botulinum Toxin) ฉีดลดริ้วรอย
อัลเทอร่ากับฉีดฟิลเลอร์ยกหน้า (liquid face lift)
ในคนอายุเยอะปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้นร่วมกับกับหนังย้อยลงคือไขมัน กระดูกและส่วนประกอบใบหน้าหดเล็กลงด้วย ซึ่งอัลเทอร่าจะแก้ไม่ได้ การฉีดฟิลเลอร์จึงทดแทนส่วนนี้ไป (รวมถึงการฉีดไขมันก็ด้วยหลักการเดียวกัน) ในคนไข้ที่ใบหน้าขาดโวลุ่ม การฉีดฟิลเลอร์แบบที่เรียกว่า Liquid face lift คือฉีดเข้าไปจำนวนมากเพื่อให้หน้าตึงก็ช่วยได้ ซึ่งต่างกับอัลเทอร่าที่จะเน้นเรื่องผิวหนังมากกว่า
อ่านเพิ่มเติม : “ฟิลเลอร์” คืออะไร อันตรายไหม แพทย์ผู้ชำนาญ มีคำตอบ!
อัลเทอร่า หรือ จะดึงหน้าไปเลย จบมั้ย?
เราไม่สามารถเปรียบเทียบทั้งสองวิธีได้โดยตรง เพราะ Facelift หรือดึงหน้าแม้อาจจะได้ผลดีกว่าในแง่ของการดึงหนังที่ห้อยย้อย การดึงหน้ากลับจะไม่ได้ผลดีในคนที่เป็นน้อยๆ หรือบางครั้งแทบไม่แตกต่างกันเลย อีกทั้งการดึงหน้าให้แผลเป็นถาวรที่มากกว่า โดยเฉพาะคนไทย ในหลายๆ ครั้งหลังการทำอัลเทอร่าไปแล้ว แม้จะยกกระชับหน้าขึ้นได้ แต่เราหยุดกระบวนการแก่ชราไม่ได้และอาจจะต้องมาจบที่การดึงหน้า ในวันใดวันหนึ่ง ในทางกลับกัน คนไข้ที่ไปดึงหน้าหลายราย ก็อาจจะจำเป็นต้องทำอัลเทอร่าซ้ำเพราะเป็นการ Touch up ในบางจุด ที่การดึงหน้าไปไม่ถึงเช่นบริเวณใต้ตา
Ulthera ทำที่ไหนดี ?
ในปัจจุบันนี้ อัลเทอร่ามีให้บริการในหลายคลินิก แต่ผลลัพธ์ที่ได้จะต้องอาศัยความชำนาญการและประสบการณ์ของแพทย์ ทั้งในส่วนของการออกแบบรูปหน้าและความชำนาญในการใช้เครื่องของแพทย์ นอกจากนี้อาจจะตรวจสอบว่าเครื่องที่คลินิกนั้นเป็นของแท้หรือไม่ โดยค้นหาชื่อคลินิกที่ใช้เครื่อง Ulthera จากเวปไซต์ของบริษัท Merz
Ulthera ราคาเท่าไร ?
เลเซอร์ทั่วไปจะนับเป็นจำนวนช็อต (shot) แต่อัลเธอร่าจะนับเป็นจำนวนไลน์ (line ที่หมายถึงเส้น) เนื่องจากการยิงอัลเธอร่าแต่ละครั้งจะได้พลังงานลงไปเป็นจุดเล็กๆ ต่อๆ กันคล้ายเส้นประ เนื่องจากหัวอัลเธอร่ามีการจำกัดจำนวนไลน์ที่จะใช้ต่อครั้ง เมื่อใช้งานจนหมดไม่สามารถนำกลับมาทำซ้ำได้ ต้นทุนการทำ Ultherapy จึงต้องคำนวณตามจำนวนไลน์ที่ใช้งาน ใช้เยอะก็จะมีราคาสูงกว่าใช้จำนวนไลน์น้อย การทำโดยการจำกัดยอดเงิน หรือที่เรียกว่าเหมา หรือบุุปเฟต์ จึงเป็นไม่ได้ที่จะได้จำนวนไลน์เยอะๆ อย่างที่คิดและจะได้ผลลัพท์ที่ด้อยกว่า
- ราคาการทำ Ulthera จึงขึ้นกับจำนวนไลน์ที่ยิง โดยเฉลี่ย ราคาไลน์ละ 130-180 บาท
- ส่วนจำนวนไลน์ในการทำ Ulthera ขึ้นกับปัญหาและความหย่อนคล้อยของใบหน้า และความกว้างของบริเวณที่ทำ เช่น ยกกระชับทั่วใบหน้า 300 ไลน์ขึ้นไป ยกกระชับทั่วใบหน้าและลำคอ 600 ไลน์ขึ้นไป ยกกระชับเฉพาะหางตา 100 ไลน์
อัลเทอร่าไม่จำกัดช็อต (line) มีหรือไม่มีจริง
ในปัจจุบันการกระตุ้นยอดขายด้วยคำว่า ไม่จำกัดช็อต กำลังเป็นที่นิยมในการจูงใจให้ลูกค้าเข้าไปใช้บริการ ทำให้ลูกค้ารู้สึกคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป โดยที่การคำนวณช็อต (line) จะถูกกำหนดไว้แล้วว่าสามารถยกกระชับผิว และรักษาบริเวณที่มีปัญหาให้เห็นผลได้จริง
แต่อย่างไรก็ตาม ก็จะต้องไม่เกินต้นทุนที่ผู้ประกอบการกำหนดไว้แล้ว รวมถึงจำนวนช็อต (line) สำหรับลูกค้าแต่ละคน บางคนอาจจะใช้จำนวนช็อต (line) เยอะ บางคนอาจจะใช้จำนวนช็อต (line) น้อย ก็สามารถเฉลี่ยต้นทุนจำนวนช็อต (line) กันไปได้ นอกจากนั้นการใช้พลังงานความร้อนในการยกกระชับที่มากเกินไป ย่อมทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ ซึ่งหากมากเกินไปจะทำให้ผิวอาจเกิดอาการไหม้ (burn) ได้
หรือตัวคนไข้เอง ก็อาจจะไม่สามารถอดทนต่อความเจ็บพอที่จะรับการรักษาได้ด้วยจำนวนช็อต (line) ที่เยอะมากเกินไปอีกด้วย ดังนั้นสำหรับการทำอัลเทอร่า การรักษาด้วยจำนวนช็อต (line) ที่พอดีก็เพียงพอที่จะทำให้เห็นผลได้แล้ว และอีกเหตุผลหนึ่งคือตัว Transducer หรือหัวสำหรับใช้ยิง เป็นหัวยิงแบบจำกัดช็อต (line) หากใช้หมด จะต้องซื้อของแท้จากบริษัทที่นำเข้าอย่างถูกลิขสิทธิ์มาเปลี่ยนใหม่เท่านั้น เพราะฉะนั้นย่อมไม่มีทางเลย ที่ทางผู้ประกอบการณ์จะใช้จำนวนช็อต (line) มากเกินต้นทุน และไม่มีทางอีกเช่นกันที่ลูกค้าซึ่งซื้อโปรโมชั่น “อัลเทอร่า ไม่จำกัดช็อต” จะได้จำนวนช็อตอย่างไม่จำกัดตามคำโฆษณา
อัลเทอร่าถือเป็นนวัตกรรมชั้นเลิศในการยกกระชับหน้า ซึ่งแต่ก่อนต้องทำด้วยการผ่าตัดเท่านั้น แต่ปัจจุบันสามารถใช้เครื่องยกกระชับโดยไม่จำเป็นต้องทำศัลยกรรมดึงหน้า เจ็บน้อย ไม่มี downtime คือไม่ต้องพักฟื้นยาวนาน เสี่ยงต่อการผ่าตัด ซึ่งในคนที่ต้องการการยกกระชับหน้า อาจจะเริ่มมีอายุและมีความเสี่ยงจากการดมยาสลบ
คำถามที่พบบ่อย
เป็นเทคโนโลยีที่ออกแบบมาเพื่อการยกกระชับใบหน้า โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่เจ็บ ไม่มีแผลเป็นเหมือนศัลยกรรมดึงหน้า สามารถฟื้นฟูผิวชั้นลึกสุด (smas) ทำให้ใบหน้าเรียวสวย เรียบเนียนเป็นธรรมชาติ ทำครั้งเดียวอยู่ได้นานนับปี
แต่ละสถานที่บริการจะมีราคาไม่เท่ากัน
- เลเซอร์อัลเทอร่าจะนับจำนวนเป็นไลน์เส้น (Line) คือการลงพลังงานจุดต่อจุดเหมือนเส้นประ
- มีราคาค่อนข้างสูง เนื่องจากหัวที่ใช้ยิงเป็นแบบ case by case ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง ไม่สามารถนำกลับมาใช้ได้อีก
การทำ Ulthera นั้น จะต้องทำโดยแพทย์ที่มีความชำนาญ และมีประสบการณ์ เข้าใจใบหน้าและผิวหนังเป็นอย่างดี เพื่อที่ผลลัพธ์ที่ดีและยาวนาน ลดความเสี่ยงต่างๆ
รวมถึง การตรวจเช็คว่า เครื่องอัลเทอร่าที่ไปทำนั้น เป็นเครื่องจริงหรือไม่ (สามารถเช็คเลขเครื่องได้ในเว็บไซต์) เพื่อป้องกันผิวหนังเกิดความเสียหาย ผิวไหม้ เกิดแผลผุผอง จากการทำเครื่องอัลเทอร่าปลอม
ทั้ง 2 เครื่องเป็นการปล่อยพลังงานลงชั้นผิวเหมือนกัน แต่ต่างกันตรงที่
- อัลเทอร่า ปล่อยพลังงานได้ลึกถึง ตั้งแต่ผิวหนังชั้นแท้ ไปจนผิวชั้น smas ซึ่งทำให้ใบหน้ายกกระชับได้ดีกว่าเทอร์มาจ
- เทอร์มาจ ปล่อยพลังงาน ตั้งแต่ผิวหนังชั้นแท้ และชั้นไขมัน เน้นสลายไขมัน กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เน้นผิวนุ่มเด้ง
ทั้งนี้ การที่จะเลือกรักกษด้วยเครื่องอัลเทอร่า หรือเทอร์มาจนั้น จะต้องพิจารณาจาก ความต้องการของผู้ที่จะทำการรักษาว่า อยากแก้ปัญหาตรงจุดใด ต้องแก้ที่ผิวชั้นไหน จึงจะเลือกการรักษาได้อย่างเหมาะสม
Hifu จะยิงคลื่นพลังงานได้เพียงผิวชั้นตื้นเท่านั้น จะสังเกตได้ว่าหลังการทำ Hifu ยกกระชับใบหน้าจะไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่ ซึ่งต่างกับ Ulthera ที่มีการปล่อยพลังงานได้ลงลึกและถูกจัดมากกว่า ทำให้ใบหน้ายกกระชับ ผลลัพธ์ชัดเจนและยาวนาน อีกทั้งลดการเกิดผิวหน้าได้อีกด้วย
ศัลยแพทย์ผู้ดำเนินการรักษา
พญ. รัตตินันท์ ตรีรัตน์ (Dr. Rattinan Treeratana)รายละเอียดการรักษา
ใช้เวลาในการรักษา
1-2 ชั่วโมง
ไม่ต้องผ่าตัด
ไม่เป็นแผลเป็น
ไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
ยกกระชับนาน 1 ปี
ไม่ต้องทำซ้ำหลายรอบ
Alert : หลังทำใบหน้าจะยกทันที กรอบหน้าชัดเจนขึ้น เนื่องจากคอลลาเจนมีการหดตัวหลังโดนความร้อนจากคลื่นอัลตร้าซาวด์ 1 เดือน ผิวหน้าจะเริ่มตึงและใสขึ้น และผลลัพธ์จะดีขึ้นเรื่อยๆ ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 1-2 ปี
บรรยากาศ รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์
สะอาด ปลอดภัย ได้มาตรฐานสากล
พร้อมด้วยทีมแพทย์ผู้ชำนาญการ
ประสบการณ์กว่า 24 ปี
พญ. รัตตินันท์ ตรีรัตน์ (คุณหมอแต๋ม)
แพทย์ผู้ชำนาญด้านผิวพรรณและเลเซอร์
เกียรตินิยมด้านเวชศาสตร์ความงามจาก American Academy of Aesthetic Medicine
ประสบการณ์มากกว่า 20 ปี